พรีเมียร์ลีกอังกฤษ สุดยอดเกมฟุตบอลระดับโลก

พรีเมียร์ลีกอังกฤษ สุดยอดเกมฟุตบอลระดับโลก

                หากกล่าวถึงเกมกีฬาที่ผู้คนรู้จักไปทั่วโลก เชื่อได้ว่ากีฬาฟุตบอลย่อมอยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน ซึ่งเกมกีฬานี้มีสุดยอดการแข่งขันอยู่ 2 รายการคือการแข่งขันฟุตบอลโลก และการจัด พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ซึ่งพรีเมียม์ลีกคือเกมการแข่งขันที่จัดต่อเนื่องมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปีแล้ว และยังคงมีจำนวนผู้เข้าชมที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดนิ่ง ทั้งในแง่ของคุณภาพเกมการแข่งขัน และมูลค่าทางธุรกิจ ถือเป็นลีกลูกหนังยอดนิยมระดับโลก

ที่มาของรูปภาพ www.pixabay.com/th/photos/ผู้ชม-ฟุตบอล-สนามกีฬา-สนามฟุตบอล-1866738/

                จุดกำเนิดของ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ

                เดิมเกมกีฬาสูงสุดในอังกฤษมีชื่อว่าดิวิชั่น 1 โดยจุดเริ่มต้นของ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 70s ซึ่งถือเป็นยุคทองของฟุตบอลอังกฤษ สโมสรจากอังกฤษต่างเริ่มก่อร่างสร้างทีมที่ประสบความสะเร็จจนทีมในอังกฤษสามารถเบียดสโมสรที่มาจากเยอรมัน, เนเธอร์แลนด์, อิตาลี หรือ สเปนที่เคยเป็นผู้นำด้านฟุตบอลได้สำเร็จ โดยมีทีมสโมสรแนวหน้าอย่างลิเวอร์พูล, แอสตัน วิลลา, น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ที่ต่างคว้าแชมป์ยูโรเปียน คัพ (หรือยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ในปัจจุบัน) ได้สำเร็จ และมีทีมจากสโมสรท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์, อิปสวิช ทาวน์ ไปพิชิตถ้วยยูฟ่า คัพ (หรือยูโรป้า ลีก ในปัจจุบัน) มาครองได้สำเร็จเช่นกัน กล่าวคือทีมจากอังกฤษสามารถครองความยิ่งใหญ่ทุก ๆ นวงการฟุตบอลในยุโรป ในช่วงปลายยุค 70s และต้นยุค 80s ทำให้ชื่อเสียงของสโมสรดังกระฉ่อนไปทั่วยุโรป รวมถึงความซ่าของเหล่าแฟนบอลวัยหนุ่ม ที่ถูกขนานนามว่าฮูลิแกน ซึ่งเหล่าแฟนบอลนี้มีกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศอังกฤษ

                เป็นที่น่าเสียดายว่ากลุ่มฮูลิแกนคือกลุ่มแฟนบอลที่ทำลายชื่อเสียงฟุตบอลอังกฤษ เพราะมักก่อเรื่องชกต่อยกับแฟนบอลเจ้าถิ่น และยังมีฮูลิแกนบางคนอาศัยโอกาสนี้ปล้นเงิน และสินค้าจากทีมตรงข้ามอีกด้วย จนในที่สุดก็เกิดโศกนาฏกรรมเฮย์เซลขึ้นในปี 1985 ซึ่งเกิดขึ้นในเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโรเปียน คัพ ระหว่างทีมลิเวอร์พูลและยูเวนตุส โดยฮูลิแกนของทีมหงส์แดงได้ข้ามโซนบนอัฒจันทร์ของตนเอง ไปเล่นงานแฟนบอลของทีมม้าลาย จนอัฒจันทร์ถล่ม นำมาซึ่งการเสียชีวิตของแฟนบอลกว่า 39 คน บาดเจ็บมากกว่า 600 คน

                ผลลัพธ์ คือสโมสรฟุตบอลจากอังกฤษโดนแบน 5 ปีจากเกมการแข่งขันฟุตบอลในยุโรป ทีมลิเวอร์พูลรับโทษหนักที่สุดคือถูกแบนไป 6 ปี โทษฐานที่แฟนบอลของทีมเป็นฝ่ายก่อเรื่อง ส่งผลให้ความภูมิใจในกีฬาฟุตบอลของชาวอังกฤษ สูญสิ้นลงทันที จนแม้แต่นักฟุตบอลจากต่างประเทศก็ไม่อยากย้ายมาเล่นกับทีมของอังกฤษ

                นายกรัฐมนตรีมากาเร็ต แธทเชอร์จึงเข้ามาจัดการด้วยการปราบปรามด้วยกำลังตำรวจอย่างมีระบบ และนำระบบทุนนิยมเข้ามาใช้วงการฟุตบอลอังกฤษ โดยเปิดโอกาสให้นักธุรกิจได้เข้ามาเป็นผู้บริหารฟุตบอล เป็นการเปลี่ยนกีฬาฟุตบอลให้กลายเป็นสนามการค้า ที่มีการพูดคุยถึงผลประโยชน์ทางการเงินมากขึ้น โดยมีทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซนอล และท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ เป็นแกนนำนี้ เริ่มจากการเพิ่มราคาตั๋วเข้าชมให้แพงจนเหล่าวัยรุ่นฮูลิแกนไม่สามารถเข้ามาซื้อตั๋วชมการแข่งขันได้ แฟนบอลในสนามจึงถูกแทนที่ด้วยคนชนชั้นกลาง และตลาดต่างชาติ เจ้าของสโมสรต่างเร่งพัฒนาคุณภาพสนาม สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้สมกับตั๋วเข้าชมที่แพงขึ้น เพื่อดึงดูดแฟนบอลกระเป๋าหนักให้เข้าสู่สนาม ทำให้สถานการณ์ฟุตบอลในอังกฤษเริ่มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

                เมื่อจัดการกับฮูลิแกนได้สำเร็จ เป้าหมายของสโมสรฟุตบอลจากลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ หรือในขณะนั้นคือดิวิชั่น 1 ต่างต้องการหารายได้จากเกมฟุตบอลแต่ในขณะนั้นยังต้องผ่านสมาคมฟุตบอลอังกฤษอยู่ พวกเขาจึงเริ่มจากการขอส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์เวลาถ่ายทอดเกมบอลนอกเหนือจากค่าตั๋วเข้าชม ซึ่งแม่ว่าจะประสบความสำเร็จ นักธุรกิจเหล่านั้นก็ยังไม่หยุดยั้ง โดยนำ 5 สโมสรสำคัญในขณะนั้นหรือที่เรียกว่า Big 5 ในปี 1990 ประกอบด้วยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, เอฟเวอร์ตัน, อาร์เซนอล และท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส ได้รวมกันแยกตัวออกมาตั้งลีกของตัวเอง โดยไม่ต้องผ่านสมาคมทีมฟุตบอลอังกฤษอีกต่อไป กลายเป็นงลีกของตนเอง บริหารจัดการโดยสโมสรสมาชิกภายในลีกเอง โดยมี เดวิด ดีน ซึ่งเป็นประธานและผู้ถือหุ้นของทีมอาร์เซนอล เป็นหัวหอกสำคัญในการผลักดันและสร้างลีก จนในปี 1991 สโมสรลีกสูงสุดในอังกฤษก็ได้ประกาศตั้งองค์กรที่ชื่อว่า เอฟเอ พรีเมียร์ลีก (FA Premier League) เพื่อบริหารธุรกิจของลีก และเกมพรีเมียร์ลีกอังกฤษเกมแรกก็สามารถทำเงินค่าลิขสิทธิ์ได้สูงถึง 304 ล้านปอนด์ แฃะเป็นสัญญานที่แสดงว่าฟุตบอลอังกฤษ ได้กลายเป็นธุรกิจการกีฬาอย่างเต็มตัว และฤดูกาล 1992-93 คือฤดูกาลแรกของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

                การถือกำเนิดของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ทำให้วงการฟุตบอลของอังกฤษเกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านความนิยม, คุณภาพการแข่งขัน, ชื่อเสียงของโค้ชและนักฟุตบอล รวมถึงสโมสร ส่งผลให้มูลค่าของลีกเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง จนกลายเป็นลีกฟุตบอลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดของโลก

ที่มาของรูปภาพ www.pixabay.com/th/photos/ฟุตบอล-ลูกบอล-กีฬา-เตะประตู-มุม-1678992/

                ปัจจุบันพรีเมียร์ลีกอังกฤษมีองค์ประกอบใดบ้าง

                พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ประกอบด้วยทีมฟุตบอลทั้งหมด 20 ทีม แต่ละฤดูกาลการแข่งขันจะมีเกมการเล่นทั้งหมด 38 นัด โดยแต่ละทีมจะได้แข่งขันในถิ่นของตนเอง 19 นัด และต้องไปฟาดแข้งในฐานะทีมเยือนอีก 19 นัด รวมทั้งหมดจะมีเกมการแข่งขั้นทั้งหมด 380 นัดต่อ 1 ฤดูกาล

                ผู้จัดโปรแกรมการแข่งขัน พรีเมียร์ลีกอังกฤษจะเริ่มจากฝ่ายจัดการแข่งขันส่งกำหนดการวันที่แข่งให้กับองค์กร Atos ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการด้านไอทีเพื่อทำการจัดโปรแกรมกำหนดตารางการแข่งขัน และโปรแกรมดังกล่าวจะต้องสอดคล้องกับภาพใหญ่ของ ฟีฟ่าด้วย ฝ่ายจัดการแข่งขันพรีเมียร์ลีกอังกฤษจะส่งแบบสอบถามให้กับสโมสร เพื่อกำหนดตารางเวลาให้ลงตัว เงื่อนไขการกำหนดโปรแกรมคือทีมจะไม่เริ่มต้นฤดูกาล หรือจบฤดูกาลด้วยการเป็นทีมเหย้า หรือทีมเยือน 2 นัดติดต่อกันเพื่อสร้างความยุติธรรมต่อทุกทีม และพิจารณาถึงปัจจัยการเดินทางของแต่ละทีมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ทีมจากเมืองเดียวกัน เล่นในวันและเวลาเดียวกันเมื่อกำหนดโปรแกรมการแข่งขันเรียบร้อยแล้ว พรีเมียร์ลีกอังกฤษ และตัวแทนของ Atos จะร่วมกันตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าโปรแกรมการแข่งขันจะตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด

                ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นใน พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ปี 2022

                พรีเมียร์ลีกอังกฤษ จะจัดขึ้นมีเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ มีการเปลี่ยนแปลงที่กำหนดจากพรีเมียร์ลีก และคณะกรรมการสมาคมฟุตบอลนานาชาติ หรือ Football Association BoardI (FAB) องค์กรที่ได้รับสิทธิ์ให้ปรับเปลี่ยนกฏกติกาการแข่งขันฟุตบอล ได้กำหนดหฎใหม่ 7 ข้อ คือ

  1. มัลติบอล ให้ใช้ฟุตบอลได้ 10 ลูก ในฤดูกาลที่ผ่านมา สถิติการครองบอลโดยเฉลี่ยคือ 55 นาที 3 วินาทีต่อนัดเท่านั้น ทางพรีเมียร์ลีกอังกฤษจึงนำระบบการใช้มัลติบอล หรือลูกฟุตบอลหลาย ๆ ลูก มาใช้ โดยจะใช้ทั้งหมด 10 ลูกในแต่ละเกมการแข่ง เพื่อเพิ่มความเร็วในการนำบอลกลับเข้าสนาม
  2. สามารถเปลี่ยนตัวสำรองได้ 5 คน เป็นกฎที่สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เพื่อช่วยให้นักเตะในสนามไม่เหนื่อยจนเกินไป เมื่อกลับมาจากกักตัว โดยในฤดูกาล 2022-2023 นี้ ทีมจะสามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ 3 ครั้ง ในระหว่างเกม และช่วงพักครึ่ง 1 ครั้ง และสามารถใส่รายชื่อนักเตะตัวสำรองที่จะนั่งอยู่ข้างสนามได้ 9 คน
  3. ตำแหน่งผู้รักษาประตูกับการเตะลูกโทษ ไฮโลไทย เดิมมีกฎกำหนดให้ผู้รักษาประตูต้องยืนบนเส้นอย่างน้อย 1 ก้าวเมื่อต้องดวลจุดโทษกัน ไฮโลไทยได้เงินจริง แต่ปัจจุบันผู้รักษาประตูได้รับอนุญาตให้ขยับเท้าข้างหนึ่งไปอยู่หลังเส้นได้ ช่วยให้ผู้รักษาประตูได้อยู่ในตำแหน่งที่ลึกกว่า และสามารถรป้องกันประตูได้ดีขึ้น
  4. เฉพาะผู้รักษาประตูเท่านั้นที่สามารถครองบอลในพื้นที่ได้ ซึ่งยกเว้นผู้รักษาประตูที่อยู่ในเขตโทษ ที่สามารถจับหรือรับลูกบอลได้
  5. เมื่อผู้เล่นไม่สามารถควบคุมตัวเองในระหว่างเกม หากผู้เล่นเดินออกจากสนามเพื่อทำร้ายแฟนบอล ผู้ตัดสินจะเริ่มการแข่งขันใหม่ด้วยการเตะฟรีคิกแบบอ้อม หรือ indirect free-kick กับทีมฝ่ายตรงข้าม
  6. ผู้ตัดสินเป็นผู้โยนเหรียญได้เพียงผู้เดียว การโยนเหรียญคือการตัดสินใจว่าทีมใดจะได้เริ่มเขี่ยบอลก่อน ซึ่งเดิมไม่มีกฎกำหนดตายตัวไว้ ซึ่งกฎนี้ถูกเปลี่ยนแปลงโดย IFAB เพื่อให้ความรับผิดชอบเป็นของผู้ตัดสินในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เท่านั้น
  7. เจ้าหน้าที่ทีมอาจถูกไล่ออกระหว่างการยิงลูกโทษ Sexybaccarats168.com กฎนี้อาจส่งผลต่อการเล่นเพลย์ออฟ อีเอฟแอล เมื่อจบฤดูกาล ทั้งรุ่นแชมเปี้ยนชิพ,ลีก วัน และ ลีกทู ข่าว

แทงบอลออนไลน์ ทางเข้า ufabet ภาษาไทย คาสิโนออนไลน์ เซ็กซี่ บาคาร่า บาคาร่า99 บาคาร่าออนไลน์
เว็บบาคาร่าสล็อตpg สล็อตเว็บตรง ไฮโลไทย ufabet168 ufabet เว็บตรง บาคาร่า 888

เว็บที่น่าสนใจ

สล็อตเว็บตรง100%

ไฮโลไทย

ดูหนังออนไลน์ฟรี

Credit by : ufabet