รถยนต์ไฟฟ้า กับการใช้งานในอนาคต

รถยนต์ไฟฟ้า

                รถยนต์พลังงานไฟฟ้าคือรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้าที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Electric Vehicle หรือมักเรียกกันสั้น ๆ ว่า EV เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า โดยไฟฟ้าจะถูกจัดเก็บอยู่ในแบตเตอรี่ หรืออุปกรณ์เก็บพลังงานไฟฟ้าประเภทอื่น ๆ ข้อดีของมอเตอร์ไฟฟ้าคือแรงบิดที่เกิดขึ้นทันที เพราะ รถยนต์ไฟฟ้า มีอัตราเร่งที่เรียบ และเร็ว เหนือกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน ทั้งยังลดการเกิดมลภาวะทางอากาศเพราะไม่มีการปล่อยควันพิษออกจากท่อไอเสียด้วย โดยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคันแรกของโลกได้ถูกคิดค้นมาตั้งแต่ปี 1900 แล้ว แต่กลับพึ่งได้รับความสนใจ และบริษัทรถยนต์พึ่งทำการพัฒนาอย่างจริงจังในช่วงศตวรรษที่ 21 นี่เอง เพราะทั่วโลกเริ่มตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด ซึ่งรถไฟฟ้าคือคำตอบที่น่าสนใจไม่น้อย

รถยนต์ไฟฟ้า

ข้อดีของ รถยนต์ไฟฟ้า นอกเหนือจากการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

  1. ความเงียบและอัตราเร่งที่ดี รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ก่อนส่งเข้าสู่มอเตอร์ เพื่อทำการขับเคลื่อนรถยนต์ เป็นการขับเคลื่อนที่ไม่ใช้การสันดาปของเครื่องยนต์ ซึ่งต้องอาศัยเวลาในการเผาไหม้พอสมควร และยังต้องมีการทดเกียร์จึงจะเกิดการขับเคลื่อนของรถยนต์ จึงมีอัตราเร่งที่ดีกว่าอีกด้วย นอกจากนี้ยังทำให้เสียงจากการทำงานของ รถยนต์ไฟฟ้า เงียบกว่ารถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงอีกด้วย จึงทำให้รถยนต์นี้ตอบสนองต่อการขับขี่ได้ของผู้ขับได้เป็นอย่างดี
  2. ประหยัดค่าใช้จ่าย และค่าซ่อมบำรุง รถไฟฟ้าช่วยประหยัดค่าน้ำมัน และค่าซ่อมบำรุงได้ดี เพราะเป็นการนำพลังงานไฟฟ้ามาทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาสูง ส่วนกรณีของค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาน้อย เพราะไม่มีเครื่องยนต์ และยังไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอีกด้วย จึงทำให้การดูแลง่ายกว่ามาก
  3. ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปเติมน้ำมัน เพราะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เองที่บ้าน การต่อคิวเพื่อเติมน้ำมันเชื้อเพลิงนับเป็นเรื่องเสียเวลามาก แต่รถไฟฟ้าที่ผู้ใช้สามารถชาร์จแบตได้เองที่บ้าน อาจทำการชาร์จรถในระหว่างนอนหลับ เพื่อให้พร้อมนำรถออกได้ทันทีในตอนเช้าก็ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องการเสียเวลาที่สถานีบริการน้ำมันอีกต่อไปป

ระเภทของรถไฟฟ้า

                เมื่อพูดถึงรถยนต์พลังงานทางเลือก หลายคนก็จะนึกถึงรถไฟฟ้า ในภาพลักษณ์ของเทคโนโลยีรถยนต์ที่ล้ำสมัย และกำลังอยู่ในกระแสความนิยมในปัจจุบัน จึงเกิดการพัฒนาเกี่ยวกับคุณภาพของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และมีรูปแบบของรถไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ ได้ 3 ประเภท แยกตามส่วนประกอบ และหลักการทำงาน ดังนี้

  1. รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% หรือรถ EV (Electric Vehicle) เป็นนวัตกรรมที่มีการใช้เพียงพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวแบบ 100% ในการขับเคลื่อนรถยนต์ และสามารถนำรถไปชาร์จไฟได้อย่างสม่ำเสมอในกรณีที่แบตเตอรี่หมด องค์ประกอบหลักของรถไฟฟ้าสำหรับการขับเคลื่อนคือ แบตเตอรี่ อุปกรณ์สำหรับแปลงกระแสไฟฟ้า และมอเตอร์ไฟฟ้า ขั้นตอนการทำงานของรถยนต์ประเภทนี้จะเริ่มจากแบตเตอรี่ที่ใช้เก็บสะสมพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง จากนั้นตัวแปลงกระแสไฟฟ้าจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่มาเปลี่ยนให้เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ ก่อนส่งต่อไปยังตัวมอเตอร์เพื่อให้รถยนต์ขับเคลื่อนต่อไป นับเป็นรถยนต์ที่มีการขับเคลื่อนนุ่มนวล และเงียบมาก เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบสมบูรณ์ 100% จึงประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดี ไม่ว่าจะเป็นค่าซ่อมบำรุง หรือค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เพราะไฟฟ้ามีราคาน้อยกว่าพลังงานเชื้อเพลิง เมื่อรวมกับความสามารถในการตอบสนองต่อการขับขี่ที่มีอัตราเร่งได้เร็วตามต้องการ เนื่องจากมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถสั่งการให้ขับเคลื่อนได้ทันที เป็นรถยนต์ที่ไม่ปล่อยไอเสียจึงไม่สร้างมลภาวะ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นประเภทรถไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมมาก
  2. รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแบบ อี-เพาเวอร์ (E-Power Technology) อี-เพาเวอร์ เทคโนโลยี คือเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานสันดาปจากน้ำมันเชื้อเพลิง และไฟฟ้า เครื่องยนต์จึงประกอบไปด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator), แบตเตอรี่ (Battery), อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter), และมอเตอร์ไฟฟ้า (Motor) การขับเคลื่อนของรถไฟฟ้าจะขับเคลื่อนด้วยกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า โดยกระแสไฟฟ้าที่ส่งไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าจะถูกเก็บเอาไว้ในแบตเตอรี่กำลังสูง โดยเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจะทำการสันดาปพลังงานเป็นกระแสไฟฟ้าเข้าไปเก็บเอาไว้ในแบตเตอรี่ตลอดเวลาที่ขับเคลื่อน เพื่อชดเชยกระแสไฟฟ้าที่ถูกใช้งานไป เป็นลักษณะขุมพลังแบบ อี-เพาเวอร์ (E-Power) เกิดแรงบิดในทันที รวมถึงอัตราเร่งที่รวดเร็ว และนุ่มนวล
  3. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด Hybrid Electric Vehicle (HEV) เทคโนโลยีไฮบริดนับเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีทางพลังงานไฟฟ้าที่เข้ามามีบทบาทในประเทศไทยนานแล้ว หลักการทำงานของรถไฟฟ้าชนิดนี้เป็นรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงผสมกับพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานขับเคลื่อน หรือก็คือพลังงานแบบลูกผสม โดยเครื่องยนต์หลักจะขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์สันดาปผสมผสานกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้าไปพร้อม ๆ กัน โดยระบบควบคุมการทำงานของรถยนต์จะเลือกการเคลื่อนที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า หรือเครื่องยนต์เองแบบอัตโนมัติ เกิดเป็นการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

                การพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟฟ้า ที่เริ่มจริงจังมากขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ เกิดจากความต้องการ Zero Emission หรือรถยนต์ที่ปราศจากมลพิษ ถือเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกับโลกได้อย่างยั่งยืน

รถยนต์ไฟฟ้า

      5 ผู้ผลิต รถยนต์ไฟฟ้า ชั้นนำของโลก

  1. Tesla ในปัจจุบันเทสล่าคืออันดับหนึ่งของแบรนด์รถไฟฟ้าจากทั่วโลก เนื่องจาก Tesla มีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจากทั่วโลกสูงที่สุดอยู่ที่ 28% จุดเด่น คือการนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาใช้พร้อมกับนวัตกรรมการออกแบบที่โฉบเฉี่ยว และมีประสิทธิภาพการใช้งานสูง
  2. Renault–Nissan–Mitsubishi เป็นการรวมกลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ระหว่างเรโนลต์–นิสสัน–มิตซูบิชิ เพื่อผลิตยานยนต์ไฟฟ้า โดยเริ่มจำหน่ายรถไฟฟ้า มาตั้งแต่ปี 2009 ได้แก่ Nissan LEAF, Renault ZOE และ Outlander PHEV เป็นการวางจำหน่ายไปทั่วโลก
  3. Volkswagen ผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติเยอรมัน ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1937 โดย German Labor Front โดยรถยนต์รุ่นคลาสสิคยอดนิยมคือรถ Beetle ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ ลำให้บริษัทกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก คาดการณ์ว่าภายในปี 2025  Volkswagen จะออกผลิตภัณฑ์เป็นรถไฟฟ้า 2 รุ่น คือ  e-up! และ  e-Golf โดยในปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าของ Volkswagen ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับ 3 ของโลก คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดโลกถึง 10%
  4. BYD BYD Co. Ltd. ก่อตั้งเมื่อปี 1990 ที่เมืองเซิ่นเจิ้น ประเทศจีน แต่เดิมธุรกิจของบริษัทนี้คือการผลิตแบตเตอรี่สำหรับโทรศัพท์มือถือ และกล้องดิจิทัล แต่ก็ได้ปรับมาผลิตรถไฟฟ้าในปี 2014 ปัจจุบัน BYD มีส่วนแบ่งตลาดโลกรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่  7%
  5. KIA & HYUNDAI Kia Corporation ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเกาหลีใต้ รองจากบริษัทแม่คือ Hyundai Motor Company โดย Hyundai และ Kia วางแผนที่จะเปิดตลาดรถไฟฟ้าในอินเดีย อย่างน้อย 6 รุ่น ในปี 2024โดยทั้ง Kia และ Hyundai มีส่วนแบ่งตลาดของโลกอยู่ที่ 6.5 %
รถยนต์ไฟฟ้า

credit by: เว็บตรง UFABET , สล็อตเว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ , Ufabet เว็บหลัก

Credit by : ufabet